พระศรีรัตนเจดีย์

Arinrada Rukchobthum พระอัษฎามหาเจดีย์หรือพระปรางค์แปดองค์ ตั้งเรียงรายอยู่ด้านนอกพระอาราม   พระปรางค์  8  องค์ เส้นผ่าศูนย์กลาง  9.40  เมตร  ตั้งเรียงรายอยู่ทางทิศตะว้นออกด้านหน้าวัด  เดิมพระปรางค์ทั้ง  8 องค์จะตั้งเรียงกันอยู่นอกพระระเบียงเป็นแถวเดียวกัน  ต่อมารัชกาลที่  4  ทรงโปรดให้ขยายพระวิหารคดยื่นออกไปทางทิศตะวันออก  เพื่อสร้างซุ้มประตูมงกุฏ  และให้มีเกยอยู่  2  ด้าน   สำหรับเสด็จบนพระยานุมาศในพระราชพิธีการที่มีการเสด็จโดยทางสถลมารค  เมื่อขยายวิหารคดออกไปจึงทำให้พระปรางค์  8  องค์เข้ามาอยู่ในกำแพงวิหารคด  คือ  พระอริยะสงฆ์สาวกมหาเจดีย์  พระปรางค์สีชมพู  พระอริยสาวกภิกษุณีสังฆมหาเจดีย์  พระปรางค์สีเขียว  ลักษณะ ของปรางค์ คือ ฐานเป็นรูปแปดเหลี่ยม  ก่ออิฐฉาบปูน  องค์ปรางค์ตกแต่งด้วยลวดลายปูนปั้นประดับกระเบื้องเคลือบสี  มียักษ์ปูนปั้นแบกพระปรางค์ไว้โดยรวมทั้ง  4  ทิศ  นับเป็นศิลปะชั้นสูง  พระปรางค์ทั้ง  8  องค์สร้างขึ้นมาเพื่อถวายเป็นพุทธบูชา  จึงมีชื่อเรียกเรียงตามาลำดับนับจากทิศเหนือลงมาทิศใต้  ดังนี้ ปรางค์องค์สีขาว                 ชื่อ  พระสัมมาสัมพุทธมหาเจดีย์           อุทิศถวายแด่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ปรางค์สีขาบหรือสีฟ้าหม่น  ชิ่อ  พระสัทธรรมปริยัติวรมหาเจดีย์       อุทิศถวายแด่พระธรรม ปรางค์สีชมพู                       ชื่อ  พระอริยสงฆ์สาวกมหาเจดีย์           อุทิศถวายแด่พระอริยสงฆ์ ปรางค์สีเขียว                      ชื่อ  พระอริยสาวิกาภิกษุสังฆมหาเจดีย์  อุทิศถวายแด่พระภิกษุณี ปรางค์สีเทา                        ชื่อ  พระปัจเจกโพธิสัมพุทธมหาเจดีย์    อุทิศถวายแด่พระพุทธเจ้าในอดีตชาติ ปรางค์สีฟ้าอมเทา               ชื่อ  พระบรมจักรวรรดิราชามหาเจดีย์    อุทิศถวายแด่พระมหากษัตริย์ ปรางค์สีแดง                        ชื่อ  พระโพธิสัตว์กฤษฎามหาเจดีย์        อุทิศถวายแด่พระโพธิสัตว์ ปรางค์สีเหลือง                    ชื่อ  พระศรีอริยเมตตะมหาเจดีย์             อุทิศถวายแด่พระพุทธเจ้าในอนาคต

Arinrada Rukchobthum พระสุวรรณเจดีย์เปนพระเจดีย์ที่สร้างขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช โดยการนี้พระองค์ทรงเพื่อเปนการถวายพระราชกุศลแด่พระราชบิดา แลพระราชมารดาในพระองค์ โดยพระเจดีย์นี้ จะมีรูปทรงเปนเจดีย์ทรงเครื่องย่อมุมไม้ 20 ล้อมด้วยยักษ์แบก ลิงแบกเหมือนกันทั้ง 2 องค์ ตั้งอยู่ทางด้านหน้าของปราสาทพระเทพบิดร

Osiris Pluto สวยงาม อลังการ เช่นเดิม ถึงแม้ไม่ค่อยได้มาบ่อยๆ เพราะผมอยู่ต่างจังหวัด แต่ทุกครั้งที่ได้มา ที่นี้ รู้สึกภูมิใจ ในความงาม ของวัดพระแก้ว และ พระบรมหาราชวัง มากี่ครั้งก็ไม่เบื่อ ถึงแม้จะมา ไม่ถึง 5 ครั้ง ในชีวิต รู้สึก ดีใจ ที่เห็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ บินข้ามน้ำข้ามทะเล มาเยือนที่นี่ สถานที่แห่งนี้ สะอาดมากๆ แถมตอนนี้มีอุโมงค์ เปิดให้ใช้บริการ แล้วด้วย เย็นสบายมากๆ แถมยังปิดถนน หน้าพระลาน ในวันเสาร์อาทิตย์ ด้วย เพื่อให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินบนถนน ได้อย่างสะดวกและ ปลอดภัย

Enjoy Moment สายมูต้องมา สายบุญต้องโดน! “วัดเล่งเน่ยยี่” หรือ วัดมังกรกมลาวาส ต้องติดอันดับต้น ๆ แน่นอน! ที่นี่เป็นจุดหมายยอดฮิตของคนที่อยากเสริมดวง แก้ปีชง หรือขอพรให้ชีวิตปังขึ้นทุกด้าน ✅ ไหว้พระเสริมดวง คนที่เกิดปีชงต้องมาสักการะ องค์ไท่ส่วยเอี๊ย เพื่อช่วยคุ้มครองและลดเคราะห์กรรม ถ้าไม่ชงก็มาขอพรให้ชีวิตรุ่งได้! ✅ บรรยากาศสุดขลัง ภายในวัดตกแต่งด้วยศิลปะแบบจีนแท้ ๆ ตั้งแต่ซุ้มประตู รูปปั้นมังกร ไปจนถึงลวดลายปูนปั้นสีแดงทองที่ดูงดงามและทรงพลัง ✅ จุดขอพรยอดนิยม นอกจากองค์ไท่ส่วยเอี๊ยแล้ว ยังมี พระยูไลไภษัชย์ ขอพรเรื่องสุขภาพ และ พระโพธิสัตว์กวนอิม สำหรับความเมตตา ความรัก ✅ เครื่องรางเสริมโชค คนที่มาที่นี่มักจะซื้อ ผ้ายันต์มงคล หรือ เหรียญแก้ปีชง กลับไปพกติดตัว ถือเป็นอีกหนึ่งไอเทมเสริมดวงที่หลายคนเชื่อว่าช่วยให้โชคดี มาทุกปี โดยเฉพาะช่วงต้นปีเพื่อแก้ชง รู้สึกอุ่นใจและสบายใจมาก! วัดสวยมาก มีมุมถ่ายรูปเพียบ ยิ่งช่วงเทศกาลตรุษจีนคือคนเยอะสุด ๆ แนะนำให้ไปแต่เช้าเพื่อเลี่ยงคนแน่น สายมูตัวแม่ต้องมาค่า เตรียมของไหว้ให้ครบ หรือซื้อที่วัดก็ได้ค่า หลังไหว้เสร็จ แวะเดินเล่นแถวเยาวราช หาของอร่อยกินต่อ ถ้าปีนี้อยากเฮง อยากปัง #วัดเล่งเน่ยยี่ คือลิสต์ที่ต้องมา! #วัดเล่งเน่ยยี่ #สายมูต้องมา #แก้ปีชง2568 #ขอพรให้ปัง #ที่เที่ยวกรุงเทพ

Varinthon Tangkitiwongporn วิวบรรยากาศดี สวนสาธารณะริมแม่น้ำร่มรื่นมาก ต้นไม้ก็เยอะ แถมใกล้สถานที่สำคัญหลายจุด มีทุ่งหญ้านั่งเล่นนอนเล่นได้ บอกเลยว่ามาที่นี่เหมือนมาเพิ่มพลังให้กายเรา ยกเว้นแม่น้ำยังมีขยะอยู่ นิดนึงๆ